หูอื้อเป็นภาวะที่มักพบในกลุ่มผู้สูงอายุ และเป็นปัญหาที่มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก เนื่องจากส่งผลให้การได้ยินของผู้ป่วยลดลง ทำให้ติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นได้ยาก อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดและรู้สึกโดดเดี่ยว ถึงแม้หูอื้อไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่การป้องกันและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยชะลอและบรรเทาอาการได้เป็นอย่างดี

กรณีหูอื้อเฉียบพลัน มักเกิดจากสาเหตุชั่วคราว เช่น ขี้หูอุดตัน การติดเชื้อในหู หรือการเปลี่ยนแปลงความดันอากาศ อาการหูอื้อมักหายไปเองภายใน 1-2 อาทิตย์

สาเหตุของหูอื้อ

หูอื้อมีสาเหตุหลักมาจากการเสื่อมสภาพของเซลล์ประสาทการได้ยินตามวัย อาจเกิดจากปัจจัยด้านพันธุกรรม การสูญเสียการได้ยินจากเสียงดังในที่ทำงาน โรคบางชนิด เช่น เบาหวาน และผลข้างเคียงจากการใช้ยา นอกจากนี้ การสะสมของน้ำหนักหูชั้นนอกและสิ่งอุดตันอื่นๆ ในช่องหูก็สามารถทำให้เกิดหูอื้อได้ ซึ่งสาเหตุเหล่านี้สามารถป้องกันและรักษาให้หายขาดได้

วิธีป้องกันและรักษาหูอื้อ

1. ตรวจการได้ยินเป็นประจำ ควรตรวจสุขภาพหูทุกปี โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ 

2. หลีกเลี่ยงการรับเสียงดัง หากต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง ควรใช้อุปกรณ์ป้องกันหู

3. ควบคุมโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

4. งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ สารเหล่านี้มีผลเสียต่อการได้ยิน

5. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อส่งเสริมการไหลเวียนของเลือด

6. ล้างหูอย่างถูกวิธี อย่าใช้วัตถุแหลมคม ควรปรึกษาแพทย์หากมีสิ่งอุดตันในช่องหู

7. ใช้เครื่องช่วยฟังตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หากอาการหูอื้อรุนแรง

หูอื้อเป็นภาวะที่สามารถป้องกันและรักษาได้ หากเริ่มดูแลสุขภาพการได้ยินตั้งแต่เนิ่นๆ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นปัจจัยเสี่ยง ก็จะช่วยลดความเสี่ยงและชะลออาการหูอื้อได้ แต่หากอาการหนักแล้ว อาจต้องใช้เครื่องช่วยฟังเพื่อช่วยในการติดต่อสื่อสารและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น